การกำหนดทิศทางในสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย บางทีอาชีพทุกอย่างก็มีคำศัพท์เฉพาะตัวที่คนนอกไม่เข้าใจ ซึ่ง Forex ก็เช่นเดียวกัน ลองมาดูคำศัพท์พื้นฐานและอธิบายคำศัพท์ในธุรกิจของเรากัน
“ล็อต” คืออะไร
ล็อต คือพื้นฐานการซื้อหรือขายในปริมาณการลงทุน หนึ่งล็อตแสดงถึง 100,000 หน่วยของสกุลเงินพื้นฐาน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคือดอลล่าร์สหรัฐ ในสมัยก่อน ล็อตเป็นหน่วยเดียวที่ทำการเทรดด้วย นี่เป็นข้อจำกัดที่ค่อนข้างรุนแรงมากสำหรับเทรดเดอร์รายย่อย ในปัจจุบันเป้นเพียงคำศัพท์คุณสามารถเป็นเพียงคำศัพท์คุณสามารถเทรดด้วยเทรดด้วยปริมาณน้อย ๆ ได้ (ไมโครล็อตและนาโนล็อต) หรือใช้เลเวอเรจ
ตัวอย่างเช่น 1 นาโนล็อตเท่ากับ 100 หน่วย ถ้าหากคุณไม่ใช้เลเวอเรจ จำนวนล็อตเป็นตัวแปรเดียวที่คุณสามารถเลือกเปลี่ยนขนาดการลงทุนได้
หากคุณเปิดตำแหน่งเท่ากับ 1 ล็อตสำหรับคู่สกุลเงิน EUR / USD แต่ละ pip จะแสดงส่วนต่างเป็น USD 9.99734 ซึ่งหมายความว่าการเคลื่อนไหวของราคา 10 pip ที่คุณเลือกจะทำให้คุณได้รับเงินประมาณ 100 เหรียญสหรัฐ
มาร์จินและเลเวอเรจคืออะไร
คำว่า ล็อต นั้นสัมพันธ์กับคำศัพท์อื่นอีกสองคำ: มาร์จินและเลเวอเรจ พวกคุณส่วนใหญ่คงเคยได้ยินเกี่ยวกับการเทรดด้วยเลเวอเรจ ถ้าหากว่าโบรกเกอร์เสนอเลเวอเรจให้คุณด้วย 1:100 นี่หมายความว่าด้วยเงิน 100 USD คุณจะสามารถควบคุมเงินได้สูงถึง 100,000 USD คุณจะเสียเงิน 1,000 USD สำหรับหนึ่งล็อตแทนที่จะเสีย 100,000 USD
พวกมันดียังไง? แน่นอน ดีสำหรับการเพิ่มกำไรของคุณยังไงล่ะ
ตัวอย่างเช่น ถ้าหากว่าคุณขาย EUR / CZK โดยไม่ใช้เลเวอเรจและขนาดตำแหน่งของคุณคือ 1 ไมโครล็อต (1,000 หน่วย) และเช็คโครูนาลดค่าลงหนึ่ง CZK คุณจะได้รับ 1,000 CZK การใช้เลเวอเรจที่ 1:100 ด้วยเงินจำนวนเท่ากันจะทำให้คุณได้ 1 ล็อต – ฉะนั้นคุณจะต้องได้รับเงินลงทุนร้อยเท่า นั่นคือ 100,000 CZK ซึ่งดึงดูดเป็นอย่างมาก อย่าลืมว่ากฎนี้ก็ใช้ใช้ได้กับทางตรงข้ามเช่นเดียวกัน ถ้าหากว่าตำแหน่งของคุณรวม 1 ล็อต (100,000 EUR) และ CZK แข็งแกร่งขึ้นหนึ่ง CZK คุณก็จะสูญเสีย 100,000 CZK
โบรกเกอร์บางรายอนุญาตให้ทำการเทรดดิ้งด้วยเลเวอเรจ 1: 1 หรือ 1: 400 แต่เท่าที่ผมรู้ CySEC เพิ่งสั่งเลเวอเรจสูงสุด 1:10 สำหรับโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตทั้งหมด ซึ่งเป็นข้อควรระมัดระวังเพิ่มเติมอีกข้อในการเลือกโบรกเกอร์ที่จะทำการเทรดดิ้งด้วย
เคล็ดลับ: คุณอยากทราบความหมายของคำศัพท์เพิ่มเติมอื่น ๆ ใน Binary Options / Forex อีกหรือไม่ ลองดูที่ตรวจสอบคำอภิธานศัพท์ของเรา
เนื่องจากมีการใช้เลเวอเรจในการเทรดดิ้งอยู่บ่อยครั้ง ในการเทรดแต่ละครั้งโบรกเกอร์จะทำการบล็อกส่วนหนึ่งของบัญชีของคุณที่เรียกว่ามาร์จิ้น สิ่งนี้จะช่วยปกป้องโบรกเกอร์จากการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่โบรกเกอร์รู้สึกว่าการเทรดนั้นตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจะสร้างมาร์จิ้น คอล (Margin call) = เพื่อขอให้คุฯเพิ่มเงินสดเข้ามาในบัญชีการเทรดดิ้งของคุณ ถ้าหากคุณไม่เพิ่มเงินเข้าไปหรือการสูญเสียนั้นมากเกินไป การเทรดนั้นจะถูกปิดลงโดยอัตโนมัติ ในความเป็นจริงแล้วนี่คือข้อควรระวังที่ดี คุณอาจสูญเสียมาร์จิ้นและบัญชีการเทรดดิ้ง แต่อย่างน้อยคุณก็จะไม่เป็นหนี้
นี่ก็เป็นวิธีการป้องกันสำหรับฝ่ายตรงข้ามด้วย ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนั้นถูกสร้างขึ้นจากหลักการอุปสงค์และอุปทาน (ด้านหนึ่งคือการขายและอีดก้านคือการซื้อ) ถ้าหากว่าคุณไม่ตั้งค่า Stop Loss ให้ถูกต้อง และบัญชีการเทรดดิ้งของคุณเกิดตกลงไปในกลุ่มตัวเลขสีแดง ก็จะมีแนวโมว่าหลังจากการเทรดครั้งนี้คุณจะกลายเป็นลูกหนี้! นี่คือข้อเสียของการเทรดดิ้ง Forex หากเปรียบเทียบกับ Binary Options เราได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้วในบทความก่อนหน้า การเทรดกับ Binary Options จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
Stop loss และ Take profit คืออะไร?
คุณอาจจะได้อ่านมาบ้างแล้วว่าการเทรดดิ้งบนตลาด Forex นั้นมีการสูญเสียและมกำไรอยู่อย่างไม่จำกัด ซึ่งข้อนี้ได้ถูกเน้นย้ำอยู่บ่อยครั้งบนเว็บไซต์ของเราซึ่งเป็นความจริงอยู่ไม่มากก็น้อย นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมเทรดเดอร์ที่จริงจังทุกรายในธุรกิจนี้ใช้ Stop loss และ Take profit พวกนี้คือการจำกัดราคาที่การเทรดจะปิดลงโดยอัตรโนมัติไม่ว่าจะได้กำไร (Take profit) หรือขาดทุน (Stop loss)
โดยปกติแล้วเทรดเดอร์จะป้อนคำสั่ง Stop loss และ Take profit เมื่อเปิดการเทรดหรือหลังจากนั้นไม่นาน ขีดจำกัดควรมากจากแผนการเทรดดิ้ง เมื่อคุณเข้าสู่ตลาดแล้วคุณจะรู้ได้ทันทีว่าคุณคาดหวังอะไร: คุณจะได้กำไรเท่าไหร่ หรือความสูญเสียประมาณเท่าไหร่ที่คุณรับได้ ข้อมูลประเภทจะมีอยู่ แล้วทำไมเราจึงไม่ใช้มันล่ะ! เมื่อป้อนคำสั่งแล้ว Stop loss และ Take profit จะสแดงที่หน้าจอของโบรกเกอร์ แม้ว่าคุณจะปิดคอมพิวเตอร์ระดับที่คุณตั้งค่าไว้นี้ก็จะยังคงทำงานอยู่ ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเงินไป