Hedging คือเครื่องมือการเทรดดิ้ง (หรือกลยุทธ์) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในองค์กรขนาดใหญ่, กองทุน แต่ก็นิยมในหมู๋เทรดเดอร์รายย่อยอย่างเช่นตัวคุณด้วยเช่นกัน จะใช้ Forex Hedging ในรูปแบบการป้องกันการเทรดหรือใช้เป็นกลยุทธ์ Forex ได้อย่างไร?
เราจะมาดูหัวข้อนี้อย่างละเอียดในบทความนี้
Hedging คืออะไร?
Hedging คืออะไร: ตัวอย่าง
คำว่า Hedging ไม่ได้มีความที่ซับซ้อนใด ๆ มันหมายถึง คู่ (ตรงข้าม) เทรด ดังนั้นถ้าคุณอยู่นตำแหน่ง Long ด้วยเครื่องมือชนิดหนึ่ง (Long = คุณซื้อ) คุณก็จะลบมันออกด้วยคำสั่งซื้อ (Short = ขาย)
สิ่งนี้อาจจะดูเหมือนไร้สาระเมื่อมองแวบแรก แต่มันก็มีเหตุการณ์ที่ Hedging สามารถเป็นประโยชน์อย่างมากได้ ตัวอย่างทั่ว ๆ ไปคือ การปกป้องการลงทุน ถ้าการเทรดที่เปิดไว้ไม่ได้เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่คาดหวัง การทำ Hedging trade จะรับประกันได้ว่าการสูญเสียของคุณจะไม่เพิ่มขึ้น
อะไรคือความสำคัญของการทำ Hedging?
โดยสรุปแล้ว Hedging สามารถป้องกันคุณจากความเสี่ยงได้ เช่น ถ้าคุณมีตำแหน่ง Long (ซื้อ) ที่ EUR/USD 1 ล็อต แต่ตลาดไม่ไปในทิศทางที่ต้องการ คุณสามารถสั่งซื้อ 1 ล็อตบน EUR/USD และป้องกันตำแหน่งได้ อย่างไรก็ตาม คุณควรระมัดระวัง เพราะว่าการทำ Hedging ควรเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การเทรดดิ้ง Forex ของคุณ หรือคุณควรเป็นเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ เพราะว่าคุณอาจป้องกันตำแหน่งได้แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ในบางจุดก็ต้องหยุดการทำ Hedging
ยิ่งไปกว่านี้ สิ่งที่คุณจะต้องระมัดระวังคือการทำ Hedging กับโบรเกอร์ชาวเอเชียและชาวยุโรปมักจะไม่มีปัญหา แต่กับโบรกเกอร์ชาวอเมริกันแล้วพวกเขาไม่มีการนำเสนอการป้องกันความเสี่ยง และพวกเขาจะปิดตำแหน่งสุดท้ายของคุณด้วยการเทรดตรงข้ามโดยอัตโนมัติ ตรวจสอบให้ดีว่าโบรกเกอร์ของคุณได้มีการเสนอตัวเลือกนี้ไว้ให้หรือไม่
ตระหนักรู้การป้องกันความเสี่ยงที่เป็นไปได้
ถ้าหากคุณจะทำการเทรดแบบป้องกันความเสียง คุณอาจจะเจอกับเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ 3 เหตุการณ์ว่าการเทรดจะเป็นไปในรูปแบบใด ราคาจะยังคงไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับการเทรด หรือให้โอกาสคุณปิดตำแหน่งทีละน้อยและจบลงด้วยกำไร ดูที่รูปภาพด้านล่าง
ผลลัพทธ์ที่เป็นไปได้ 3 รูปแบบ
ป้องกันความเสี่ยงแทน Stop Loss
การทำ Hedging สามารถใช้แทน Stop Loss ได้ ถ้าคุณไปถึงระดับ Stop Loss แทนที่จะทำการปิดตำแหน่ง คุณเข้าสู่ตำแหน่งตรงข้ามในคู่เดียวกันหรือคู่ที่สัมพันธ์กันเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่มากขึ้น ถ้าหากราคาลดลง ความสูญเสียในตำแหน่งหนึ่งตำแหน่งของคุณจะเพิ่มขึ้น แต่ตำแหน่งที่ทำ Hedging ของคุณจะได้รับกำไรเพิ่มขึ้นช่นกัน
โดยส่วนตัวแล้วผมจะใช้ Hedging ในเขตเวลาที่สั้นกว่า (15 นาที, 30 นาที และอื่น ๆ) แล้วต้องทำเมื่อไหร่? คุณเข้าสู่ตำแหน่งและตลาดจะ “ล้าง” คุณออกที่ Stop Loss จากนั้นมันจะน้อยกลับและให้สัญญาณเข้าสู่ตำแหน่งจากที่ที่มัน “ล้าง” คุณออก ถ้าหากคุณเข้าสู่ตำแหน่งเดิมอีกครั้งและเสี่ยงกับ Stop Loss ที่กำลังโดนโจมตีอีกครั้ง ผมจะเลือกตำแหน่งตรงข้ามแทนที่จะเลือก Stop Loss แต่ถ้าตลาดนั้นรุนแรงเกินไปการเลือก Stop Loss คือตัวเลือกที่ดีที่สุด การทำ Hedging นั้นจะถูกแนะนำให้ทำถ้าคุณเป็นเทรดเดอร์ที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์แล้วเท่านั้น หัวข้อของการทำ Hedging แทน Stop Loss นั้นจะถูกใช้ดังที่บทความได้บอกไว้ คำถามต่อมาก็คือตำแหน่งที่ดีที่สุดในการออกจากการทำ Hedging คุณรู้จากรูปภาพด้านบนแล้วว่าพวกมันอาจเป็นตัวอย่างของ Double Bottom หรือ Double Top แต่ตัวเลือกก็ไม่ดี้เพียงแค่เท่านี้
คู่สกุลเงินที่สัมพันธ์กัน
ถ้าหากคุณดูที่ EUR/USD และ GBP/USD หรือ AUD/USD และ NZD/USD คุณจะเห็นว่าเครื่องมือเหล่านี้มีความสัมพันธ์ในเชิงบวก เช่น เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เป็นประโยชน์ที่จะรู้เอาไว้ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้สนใจในการทำ Hedging แล้วก็ตาม
ทำไม? เพราะว่าถ้าคุณเข้าสู่ตำแหน่ง Long (ซื้อ) ที่ AUD/USD และในเวลาเดียวกันก็เข้าที่ NZD/USD ด้วย มันก็เหมือนกับว่าคุณเข้าสู่ตำแหน่งเดิมสองครั้ง เมื่อ USD ตกลง คู่สกุลเงินทั้งคู่ก็ตะได้รับผลกระทบเช่นกัน ความเสี่ยงของคุณก็จะสูงขึ้น และมันสามารถขัดขวางเรื่องการบริหารจัดการเงินของคุณได้ ฉะนั้นให้ระวังคู่สกุลเงินที่สัมพันธ์กัน
การพิสูจน์คู่ที่สัมพันธ์กัน
Hedging ในฐานะกลยุทธ์การเทรดดิ้ง
ถ้าหากคุณพบคู่ที่สัมพันธ์กัน คุณสามารใช้ความช่วยเลหือของเราในการระบุว่าที่ใดมีโอกาสสูงกว่าได้ เช่น ถ้าหากคุณมีสัญญาณการเทรดดิ้งของแนวโน้มขาลงและคุณเห็นแนวรับที่อยู่ใกล้ ๆ คู่หนึ่ง คุณจะใช้คู่นั้นโดยปราศจากแนวรับสำหรับการเทรดดิ้งและอีกคู่ใช้แนวรับเพื่อความปลอดภัย (ปกติแล้วในปริมาณที่เล็กกว่า)
ตำแหน่ง Hedging ส่วนหนึ่งมีความปลอดภัยแต่ก็ยังให้ผลกำไรที่เพียงพอ โบรกเกอร์ Forex จำนวนมากสนับสนุนกลยุทธ์นี้ บอกตามตรงโบรกเกอร์ forex ได้รับเงินมากกว่าจากค่าธรรมเนียม (เพราะคุณทำการเทรดสองครั้ง) และลูกค้า (เรา) ทำการค้าก็มีความเสี่ยงน้อยกว่า ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับทั้งสองฝ่าย